กีต้าร์โปร่ง เป็นเครื่องดนตรีที่มีความคลาสสิก มีเสน่ห์และยังคงความไพรเราะตามแบบฉบับของตัวเอง ทำให้วันนี้ โดยต้นกำเนิดของเครื่องดนตรีชนิดนี้นั้นตัวแรกของโลก กำเนิดจากผู้ชายที่ชื่อ คริสเตียน เฟรเดอริก มาร์ติน ได้ไปเรียนวิธีการทำกีตาร์ที่เมืองเวียนนา ออสเตรเลีย และก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตกีต้าร์ตัวแรกในสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษที่ 1830 เจ้าของกีตาร์ยี่ห้อ “Martin”

รู้ก่อนซื้อส่วนประกอบของ กีต้าร์โปร่ง
- ไม้ด้านหน้า (soundboard / top) ลักษณะเป็นแผ่นไม้ด้านหน้าสุด ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียง เปรียบได้กับดอกลำโพง โดยไม้แต่ละชนิดที่นำมาใช้จะส่งผลกับการเกิดเสียง เนื่องจากความหนาแน่นของไม้แต่ละชนิดก็แตกต่างกัน เสียงสะท้อนจึงดังแตกต่างกันไปด้วย
- ไม้ด้านหลัง และไม้ด้านข้าง (back / sides) คือ แผ่นไม้ด้านหลัง กีต้าร์โปร่ง ตรงข้ามกับแผ่นไม้ด้านหน้า ตัดเป็นส่วนเว้าส่วนโค้งเข้ารูปประกบกับด้านหน้าพอดีกัน
- คอ (neck) ลักษณะเป็นไม้ชิ้นขนาดยาวยื่นจากส่วนลำตัวมีไว้สำหรับลากสายกีต้าร์ให้เกิดรูปทรงของคอกีต้าร์
- ฟิงเกอร์บอร์ด (fingerboard/fretboard) และ เฟรท (frets) คือ โลหะชิ้นเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายไม้ขีดไฟ ประมาณ 20 ชิ้น ติดไว้กับแผ่นไม้สี่เหลี่ยม เรียก ฟิงเกอร์บอร์ด หน้าที่เฟรทคือทำให้เพื่อแบ่งตัวโน๊ต

- นัท (nut) คือ ชิ้นส่วนสี่เหลี่ยมอันเล็ก ขนาดบาง ๆ ปลายสุดของฟิงเกอร์บอร์ดฝั่งหัวกีต้าร์ ทำหน้าที่รับมุมเลี้ยวและแรงกดของสาย วัสดุที่ใช้ทำมีทั้งจากวัสดุธรรมชาติและสงเคราะห์โดยมนุษย์ เช่น กราไฟท์และวัสดุเทียมกระดูก
- ลูกบิด (machine heads) คือ โลหะ 6 ชิ้นที่ติดอยู่บนหัวกีต้าร์ เพื่อยึดสายกีต้าร์
- แซดเดิล (saddles) และ หย่อง (bridge) คือ แซดเดิ้ลช่วยให้เราสามารถปรับแต่งความสูงสะพานสาย (Bridge) อยู่ทางด้านล่างของลำตัวกีต้าร์ สะพานสายเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ยึดสายกีต้าร์เอาไว้กับลำตัวกีต้าร์ เพื่อให้สายกีต้าร์สามารถที่จะสั่นสะเทือนได้อย่างเป็นอิสระ
- ปิ๊คการ์ด (pick guard) คือ แผ่นวัสดุบาง ๆ ที่วางเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนของปิ๊ค
- ระบบไฟฟ้าหรือปิคอัพ (acoustic pickups) คือ เป็นการอัพเกรดขึ้นมาเพื่อเพิ่มระบบไฟฟ้าให้เกิดคลื่นเสียงไปยังลำโพง

มือใหม่อยากมี กีต้าร์โปร่ง สวย ๆ สักตัวต้องรู้อะไรบ้าง ?
เมื่อเราทำความรู้จักกับ กีต้าร์โปร่ง กันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลายท่านก็อยากเลือกซื้อมาเป็นของตนเอง เพื่อสร้างความสุนทรี ดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อก็ต้องศึกษาข้อมูลก่อนเสียก่อน อาทิเช่น

- เงินทุน : แน่นอนว่าปัจจัยหลักของการจะได้มาซึ่งวัสดุอุปกรณ์ของสะสมต่าง ๆ ก็ต้องตรวจสอบงบประมาณของตนเองก็ว่า เราสามารถจ่ายได้ในช่วงราคาประมาณเท่าใด
- ขนาด : เนื่องจากปัจจุบันมี กีต้าร์โปร่ง นั้นมีการทำรูปทรงออกมาหลายขนาด โดยแบ่งออกเป็น 4 ขนาด คร่าว ๆ ได้แก่ 4/4 (41 นิ้ว) 3/4 (36 นิ้ว) 1/2 (34 นิ้ว) และ 1/4 (30.5 นิ้ว) ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน สำหรับผู้ที่จะซื้อก็ควรเลือกขนาดที่เหมาะกับตนเอง เช่น ถ้าเป็นวัยรุ่น หรือ ผู้ใหญ่ ขนาดที่เหมาะสมสำหรับการเล่น ก็คือ 4/4 หรือขนาด Full Sized ความยาวจะอยู่ที่ประมาณ 39-40 นิ้ว ขึ้นไป
- คอกีตาร์ : คอกีต้าร์จะต้องมีความสัมพันธ์กับขนาดของกีต้าร์ด้วย ซึ่งคอกีต้าร์นั้นจะมี 3 แบบได้แก่ C-Shape – ขนาดจะเล็ก เป็นทรงที่ใช้กันทั่วไปเลย
V-Shape – จะเห็นได้ตามกีต้าร์ที่เป็นรุ่นเก่าๆ
U-Shape – คอจะกว้างกว่า สำหรับคนที่มือใหญ่จะถนัดกว่า
- เลือกรูปทรงที่เหมาะกับเรา : รูปทรงของ กีต้าร์โปร่ง นั้นแม้จะคล้าย ๆ กันแต่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อง บางตัวดูอ้วน บางตัวดูเอวคอด มีส่วนเว้าส่วนโค้งไม่เหมือนกัน เช่น ทรง เดรทน็อท หรือ เรียกง่ายๆว่าทรง D เป็นทรงมาตรฐานตามท้องตลาดทั่วไป
- อุปกรณ์เสริม และข้อมูลจากผู้ขาย : อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนออกจากร้าน และบริการหลังการขายเสมอ
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีประเภทใดก็แล้วแต่ ต้องมีการหาข้อมูลและทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีชนิดนั้น เพื่อให้เราได้เครื่องดนตรีที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของเรา ทั้งนี้ กีต้าร์โปร่ง เองก็ถือว่าเป็นเครื่องดนตรีคลาสสิกอีกชนิดหนึ่งที่สร้างความสุนทรีให้กับวงการเพลงมาช้านาน หากได้ลองแล้วท่านจะหลงรักในเสน่ห์ของเครื่องดนตรีชนิดนี้แน่นอน
credit : https://www.pexels.com