ดนตรีเป็นหนึ่งในศิลปะที่ช่วยเสริมสร้างให้ผู้คนและสังคมใกล้ชิดสนิทสนม รวมถึงเพิ่มความบันเทิงให้กับผู้คนได้เป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องดนตรีมากมายหลากหลายชนิดให้ผู้คนได้เลือกสรรตามแนวเพลงและความชื่นชอบ รวมถึง คีย์บอร์ดไฟฟ้า ก็มีฟังก์ชันใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้าเช่นกัน ในวันนี้เราได้รวบรวมคีย์บอร์ดแบบไฟฟ้า แบรนด์ดัง รุ่นที่น่าสนใจมาแบ่งปัน พร้อมบอกเทคนิคในการเลือกซื้อดังนี้
- วิธีการเลือกซื้อ คีย์บอร์ดไฟฟ้า
ด้วยเหตุที่คีย์บอร์ดแบบไฟฟ้าในยุคปัจจุบันมีมากมายหลากหลายรุ่น แต่วิธีการเลือกซื้อแบบง่ายที่แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเข้าใจได้มีข้อควรพิจารณาต่อไปนี้
- เลือกจากเพลงที่เล่นเป็นประจำ : เพื่อให้เข้ากับเพลงที่จะเล่นให้ได้มากที่สุดสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราควรพิจารณาคือจำนวนคีย์ เช่น เพลงคลาสสิก สามารถเล่นได้ด้วยคีย์บอร์ด 61 เนื่องจากจำนวนคีย์สูงสุดในยุคนั้นมีเพียง 61 เป็นต้น
- เลือกคีย์บอร์ดที่มีโทนเสียงหลากหลายเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน : ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของ คีย์บอร์ดไฟฟ้า ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือความสามารถในการเล่นร่วมกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นได้มากมายอีกทั้งยังมีฟังก์ชันที่เหมาะสมสำหรับนักแต่งเพลง นักทำดนตรี รวมถึงนักดนตรีมืออาชีพ เป็นอย่างมากโดยโทนเสียงมีให้เลือกมากกว่า 100 ชนิด ดังนั้นการเลือกคีย์บอร์ดที่มีโทนเสียงหลากหลายก็จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานและอรรถรสในการเล่นมากยิ่งขึ้น
- เลือกคีย์บอร์ดที่มีฟังก์ชันบันทึกเสียง : สำหรับผู้ที่ต้องการฟังเสียงเพลงที่ตัวเองเล่นก่อนหน้าซ้ำอีกครั้งเพื่อพัฒนาฝีมือ การเลือกคีย์บอร์ดที่มีฟังก์ชันบันทึกเสียงก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรพิจารณาให้ดี
- เลือกให้มีขนาดพอดีกับพื้นที่ที่ใช้งาน : เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับเครื่องดนตรีที่เราเลือกซื้อ รวมถึงฟังก์ชันเสริมและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เราจำเป็นต้องเลือกขนาดของคีย์บอร์ดให้พอเหมาะกับขนาดพื้นที่ที่เราจะนำไปจัดวางมากที่สุด เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและไม่กีดขวางทางเดินในชีวิตประจำวัน
- 5 อันดับ คีย์บอร์ดไฟฟ้า แบรนด์ดัง น่าสนใจ
- YAMAHA – รุ่น PSR-E463
คีย์บอร์ดไฟฟ้า จาก YAMAHA รุ่น PSR-E463 มีความโดดเด่นในเรื่องของโทนเสียงที่มีมาให้มากถึง 758 เสียงในตัว อีกทั้งยังสามารถเล่นได้หลากหลายแนว มี Sound Effect ในตัว Key Action เป็นแบบ Touch Response ที่ให้เสียงตามน้ำหนักมือ มี Dual Mode ที่สามารถเล่นได้ 2 คน พร้อมระบบบันทึกเสียงในตัวได้สูงสุดถึง 80 นาทีรองรับการเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์และลำโพง เหมาะมากสำหรับผู้เล่นมือใหม่หรืออาชีพ
- CASIO – รุ่น CT-X800
Casio รุ่นนี้ สามารถรองรับผู้เล่นที่ถนัดมือซ้ายหรือขวาได้ อีกทั้งยังเหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นคีย์บอร์ดแบบไฟฟ้า เนื่องจากมีบทเรียนและฟังก์ชันอัดเสียงขณะเล่นเพื่อเสริมสร้างทักษะให้เล่นเก่งขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด ตัวเครื่องมี 61 คีย์ รองรับการใช้หูฟัง ไมโครโฟน รวมถึงเพลงสำหรับฝึกซ้อมมากถึง 160 เพลง มีน้ำหนักเบา เหมาะกับการเคลื่อนย้ายออกไปเล่นนอกสถานที่ ทั้งยังรองรับการใช้พลังงานจากถ่านอัลคาไลน์ด้วย
- Roland – รุ่น E-X20
รุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ต้องการความซับซ้อนในการเล่นมากนัก ด้วยจำนวนเสียงโพลีโฟนีสูงสุด 128 เสียงมาพร้อมระบบพลัส 16 ส่วน มีเพลงให้ฝึกซ้อมมากถึง 140 เพลง อีกทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องของการอัดเสียงเพลงได้มากถึง 10 เพลง รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB มีลำโพงขนาด 10 เซนติเมตร 2 ตัว สะดวกต่อการใช้งานพอประมาณ
- YAMAHA – รุ่น PSR-F52
YAMAHA รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจากรุ่นยอดนิยมอย่าง PF 51 ซึ่งเน้นการเล่นที่ไม่ซับซ้อน สะดวกต่อการพกพาเหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่นและคนที่ชื่นชอบการพกไปเล่นนอกสถานที่ โดยตัวเครื่องมี 61 คีย์มาพร้อมหมวดเล่นเป็นคู่ได้ รองรับถ่าน AA มีเสียงสำหรับฝึกซ้อมมากถึง 136 เสียง 158 สไตล์ ทั้งยังมี Panel Sustain, Sound Boost หรือ Metronome ซึ่งรับรองได้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มีประสิทธิภาพ
- CASIO – รุ่น CT-S100
คีย์บอร์ดไฟฟ้า รุ่นนี้มีจุดเด่นที่ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เน้นพกพา มาพร้อมกับ Adapter ไฟฟ้าและถ่านอัลคาไลน์ ซึ่งใช้ได้นานสุด 16 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อสาย USB เข้ากับมือถือและคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ซับซ้อน เหมาะมากสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ ตัวเครื่องยังมาพร้อมคีย์ตามมาตรฐานคือ 61 คีย์ สามารถเล่นได้หลากหลายแนว
คีย์บอร์ดไฟฟ้า ในยุคปัจจุบันถูกพัฒนาให้รองรับรูปแบบการเล่นและมีฟังก์ชันหลากหลายขึ้น เพื่อให้ผู้เล่นสนุกสนานและเพลิดเพลินกับการสร้างเสียงดนตรีมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าฟังก์ชันของเครื่องดนตรีจะมีมากเพียงใด ผู้ที่สนใจก็จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและวางแผนเรื่องงบในการซื้อให้ดี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตัวเราเองรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นให้ได้สูงสุดตามงบประมาณที่วางไว้