ในยุคปัจจุบัน คลาริเนต มีหลากหลายประเภท อีกทั้งยังมีลักษณะช่องเสียงที่แตกต่างกันไป โดยเครื่องดนตรีชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องเป่าลมทั้งยังสามารถสร้างเสียงได้ไพเราะและนิยมใช้ในวงดนตรีประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างเสน่ห์และอารมณ์ที่ส่งต่อให้กับผู้ฟังมากยิ่งขึ้น สำหรับประวัติความเป็นมาและวิธีการดูแลเรารวบรวมมาแบ่งปันมีดังนี้

- ประวัติความเป็นมา
สำหรับรูปทรงของ คลาริเนต มีความแตกต่างกันไปตามถิ่นกำเนิดของเครื่องดนตรี ทว่าเครื่องดนตรีชนิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงยุคกลาง นักพัฒนาเครื่องดนตรี ได้เปลี่ยนวัตถุหลักในการสร้างจากไม้เป็นพลาสติก เพื่อสร้างส่วนประกอบอื่น ๆ ให้สามารถใช้เสียงได้หลากหลายคล้ายกับการเล่นแซกโซโฟน ซึ่งตามหลักฐาน เครื่องดนตรีชนิดนี้เป็นเครื่องดนตรีที่ถูกค้นพบในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถูกเรียกว่า Chalumeau มาจากคำสแลงในภาษาฝรั่งเศส และได้รับความนิยมเรื่อยมา จนถึงช่วงยุคบาโรก หลังจากนั้นเครื่องดนตรีชนิดนี้ก็มีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักประดิษฐ์คนแรกที่คิดค้นสร้างเครื่องดนตรีชนิดนี้มีชื่อว่า Johann Christoph Denner เป็นชาวเยอรมัน สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 1700 ปี ก่อนที่จะมีการใช้อย่างแพร่หลายในวงออเคสตร้าช่วงปี 1780 ด้วยเหตุนี้เครื่องดนตรีชนิดนี้จึงเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับวงโยทวาทิต และออเคสตรา
- ประเภทของ คลาริเนต
ด้วยการพัฒนาที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงยุคกลาง จึงทำให้เครื่องดนตรีชนิดนี้มีหลากหลายรูปแบบ และสามารถแบ่งแยกประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้
- Bass clarinet: มีเสียงต่ำ เสียงจะอยู่ที่หนึ่งคู่แปด โดยรูปลักษณ์ของ Bass clarinet จะมีข้อต่อกลวงมีลักษณะโค้งเข้าปาก ลำโพงทำจากโลหะงอย้อนขึ้นคล้ายกับแซกโซโฟน
- Bb clarinet: มีลักษณะเสียงและวิธีการเล่นคล้ายกับ Bass clarinet ทุกประการ เพียงแต่ความยาว ของ Bb clarinet จะมีความยาวมากกว่า
- Alto clarinet: มีขนาดยาวและใหญ่กว่าประเภทอื่น ๆ ระดับเสียงจะอยู่ที่คู่ 5 เพอร์เฟค นอกจากนี้ปากลำโพงยังทำจากโลหะโค้งงอย้อนขึ้นคล้ายกับแซกโซโฟน
- โซปรานิโน หรือ Eb clarinet: มีลักษณะเล็กกว่าประเภทอื่น ๆ เล็กน้อยและมีเสียงสูงกว่า Bb clarinet คู่ 5 เพอร์เฟค
- A clarinet: เป็น clarinet ที่มีขนาดเล็กที่สุด
- การเทียบเสียง
คลาริเนต จะมีเสียงที่แตกต่างกันตามอุณหภูมิ ดังนั้นการเทียบเสียงจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องเป่าลมร้อนเป่าเครื่องดนตรีสักพักเพื่อให้ได้เสียงที่ตรงและชัดเจนมากขึ้น
โดยแต่ละเครื่อง จะมีวิธีการเตรียมความแตกต่างกันดังนี้
- Eb-Bb-A clarinet เมื่อเทียบเสียงต้องดึง Barrel หมายเลขที่ 2 ออกจากข้อต่อบนหมายเลข 3 ก่อน
- Auto clarinet ต้องดึงคอปากเป่า หมายเลข 8 ออกจากตัวเครื่องก่อนเทียบเสียง
- Bass clarinet ควรดึงปากเป่าด้านบนออกก่อน
- วิธีการประกอบ
การประกอบ Eb clarinet
- ทาขี้ผึ้ง (Cark Grease) บริเวณข้อต่อส่วนที่เป็นไม้ก๊อก
- ประกอบ Barrel และปากแตกเข้ากับตัวเครื่อง
- ประกอบปากเป่า กับ Barrel เข้าด้วยกัน
การประกอบ Bb clarinet และ A clarinet
- เริ่มต้นด้วยการประกอบ Barrel เข้ากับข้อต่อส่วนบน และประกอบปากแตร่เข้ากับข้อต่อส่วนล่าง
- ใช้มือซ้ายจับส่วนบนและมือขวาจับข้อต่อส่วนล่าง จากนั้นหมุนทั้งสองส่วนจนกว่าข้อต่อจะแนบสนิทกัน
- นำปากเป่ามาประกอบเข้ากับ Barrel
- ในการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดแรงกด หรือบีบที่บริเวณกระเดื่องมากเกินไป

การประกอบ Auto clarinet และ Bass clarinet
- นำมือซ้ายจับข้อต่อบนและมือขวาจับข้อต่อส่วนล่าง จากนั้นค่อย ๆ หมุนจนทั้งสองส่วนแนบสนิทกัน
- นำคอปากเปาและปากแตรประกอบเข้ากับตัวเครื่อง
- สำหรับ Bass clarinet ต้องประกอบคอปากเป่าเข้ากับตัวต่อบน
การประกอบลิ้นและปากเป่า
- นำส่วนของปากเป่ามาประกอบเข้ากับคอปากเป่า
- นำลิ้นมาประกอบเข้ากับปากเป่าโดยไม่ให้ชิ้นส่วนเหลื่อมล้ำออกจากปากเป่า จากนั้นยึดปากเป่าให้แน่น
- วิธีการดูแลรักษา
หลังจากการใช้งานทุกครั้ง ควรถอดลิ้นออกจากปากเป่า จากนั้นนำผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ด้วยการสอดผ้าเข้าไปด้านในไม้ก๊อก หลังจากนั้นให้ถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกเพื่อเช็ดทำความสะอาดทั้งด้านในและด้านนอกจนแห้งสนิท ก่อนที่จะนำกระดาษซับ (cleaning paper) สอดเข้าระหว่างรูเสียง กับนวม แล้วกดที่แป้นหรือกระเดื่องของนวมจนส่วนนั้น ๆ แห้งสนิท
คลาริเนต ในยุคปัจจุบันถูกพัฒนาและปรับปรุงให้สามารถเล่นได้หลากหลายเสียงตลอดจนมีรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การเลือกซื้อและการใช้ก็จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลโดยละเอียด เพื่อให้เราสามารถใช้เครื่องดนตรีชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนได้เครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด
อ่านบทความ ทรอมโบน เครื่องเป่าทรงเสน่ห์ สำหรับนักดนตรีสากล ทั่วโลก
เครดิต www.freepik.com