ปฏิเสธไม่ได้ที่ เชลโล (Cello) เป็นเครื่องดนตรีคลาสสิคที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน อีกทั้งเรื่องของเสียงและตัวเครื่องก็มีความแตกต่าง เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องเสียงและรูปทรงก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ใครหลายคนสับสน เพราะคล้ายคลึงกับ ดับเบิลเบส วันนี้เราจึงจะมาบอกถึงข้อแตกต่างระหว่างเครื่องดนตรีทั้งสอง
1. เสียง
ในบรรดาเสียงของเครื่องดนตรีประเภทสายเชลโล (Cello) ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่มีเสียงไพเราะและกังวานมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่นักดนตรีหลายคนให้การยอมรับ ในส่วนของ ดับเบิลเบส เสียงของตัวเครื่องที่แสดงออกมาจะมีเสียงโทนต่ำ ซึ่งเสียงโทนนี้ถือว่าต่ำที่สุดในบรรดาเครื่องสายชนิดเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ดับเบิลเบส จึงนิยมนำไปใช้ในวงแจ๊ส และมักจะใช้เล่นเป็นเสียงพื้นฐาน นอกจากนี้ความสำคัญตลอดจนเนื้อเสียงของเครื่องดนตรีทั้งสองจึงเหมาะสำหรับการจัดวางในตำแหน่งของวงที่แตกต่างกัน
2. ลักษณะรูปร่าง
สำหรับรูปร่างของ เชลโล (Cello)จะมีขนาดเล็กกว่า ดับเบิลเบส ค่อนข้างมาก ซึ่งความสูงของ ดับเบิลเบส จากการวัดนับตั้งแต่คอถึงส่วนท้าย มีขนาดความสูงอยู่ที่ 2 เมตร ซึ่ง Cello จะมีความสูงเพียง 80 เซนติเมตร อีกทั้งตัวของ Cello ยังมีขนาดที่บางกว่า ง่ายต่อการจับหรือถือมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องใช้ขาตั้งเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเล่น ซึ่งในยุคปัจจุบัน Cello มีมากมายหลากหลายขนาดซึ่งขนาดมาตรฐานคือ 4/4 แต่สำหรับบุคคลที่มีรูปร่างเล็ก ก็ยังมีขนาดอื่น ๆ ให้เรื่องเช่น 1/16 ,1/10, 1/8, 1/4, 1/2, 3/4 และ 7/4 โดยขนาดของตัวเครื่องไม่ส่งผลต่อมาตรฐานของเสียง เพียงแต่ละขนาด จะช่วยทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้อย่างถนัดมือและสะดวกมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง
3. สาย
สายของ เชลโล สามารถสังเกตและแยกได้โดยง่ายเนื่องจากตัวสายจะบางและสั้นกว่าสายของ ดับเบิลเบส ค่อนข้างมาก และด้วยความต่างนี้ จึงทำให้เครื่องดนตรีทั้งสองมีเสียงที่แตกต่างและมีเสน่ห์ที่โดดเด่นแตกต่างกัน
4. น้ำหนัก
สำหรับน้ำหนักของ Cello จะอยู่ที่ 3 – 4 กิโลกรัม แต่ดับเบิลเบส จะมีน้ำหนักมากกว่านั้นซึ่งอยู่ที่ 8-10 กิโลกรัม เนื่องจากขนาดของเครื่องดนตรีมีขนาดใหญ่มาก รุ่นที่ใหญ่ที่สุดของ ดับเบิลเบสกว้าง 2.13 เมตรสูง 5.55 เมตร ด้วยเหตุนี้ ดับเบิลเบส จึงมักไม่นิยมนำมาสอนเด็กในชั้นประถม เนื่องจากขนาดค่อนข้างใหญ่และอาจส่งผลในการสอนเด็กที่อายุต่ำกว่า 6-7 ปี อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบัน ดับเบิลเบส ก็มีการปรับปรุงเรื่องขนาดและน้ำหนักลงมาค่อนข้างมาก เพื่อให้ง่ายต่อการเล่น โดยขนาดเล็กที่สุดจะมีขนาดสูงอยู่ที่ 1.8 เมตร น้ำหนัก 8 กิโลกรัม ซึ่งใหญ่กว่า Cello ขนาดใหญ่ที่สุดเพียงเล็กน้อย
5. เทคนิคการเล่น
ดับเบิลเบส สามารถเล่นได้หลากหลายเทคนิค ซึ่งจังหวะที่นักดนตรีมืออาชีพนิยมใช้ จะใช้เทคนิคเดียวกับการเล่นไวโอลิน ซึ่ง ดับเบิลเบส หรือ คอนทร้าเบส ขนาดใหญ่นิยมนำมาเล่นในวงดนตรี แจ๊ส เนื่องจากตัวเครื่องดนตรีมีข้อจำกัดในเรื่องของน้ำหนักและความสูงที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้เทคนิคการตบกับการเล่นแนวร็อคอะบิลลียุ่งยาก นักดนตรีมืออาชีพจึงใช้เพียงเทคนิค pizzicato เล่นเสียส่วนใหญ่
ในส่วนของ เชลโล เทคนิคที่นิยมใช้คือ สโตรก ซึ่งมีความคล้ายกับการเล่นไวโอลินทุกประการ เพียงแต่ขนาดของ Cello จะมีขนาดใหญ่กว่าไวโอลินจึงทำให้การเล่นค่อนข้างยากในบางส่วน โดยเหตุนี้นักดนตรีบางท่านจึงเลือกใช้เทคนิคที่ง่ายต่อการเล่นลสร้างเสียงที่ไพเราะได้มากที่สุด คือ Pizzicato และ Harmonic
6. เหมาะกับใคร
หากพูดเรื่องความเหมาะสมในการเล่น อาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะบอกได้ เนื่องจาก เอกลักษณ์ของเสียงมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำในกรณีที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกเครื่องดนตรีชิ้นใดจึงจะเหมาะกับเรา ให้เราทดลองเล่น ฟังเสียง และเลือกขนาดที่พอเหมาะกับตัวเรา จากนั้นพิจารณาตามความชอบของเราเป็นหลัก ตลอดจนนำผู้เชียวชาญไปช่วยแนะนำเรื่องการใช้งานและช่วยเช็กเรื่องเสียงรวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อให้เราตัดสินในการเลือกได้ดีและง่ายมากยิ่งขึ้น
สำหรับความแตกต่างของ เชลโล และ ดับเบิลเบส ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงหนึ่งในความแตกต่างที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเท่านั้น ทั้งนี้ก็ยังมีเรื่องของวัสดุเชิงลึก ตลอดจนแนวทางการเล่นโดยละเอียดที่มีข้อแตกต่างให้ได้เรียนรู้อีกมากมาย สำหรับใครที่มีความสนใจในเรื่องเครื่องดนตรีทั้งสอง ก็จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องขนาดให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดเพื่อให้เราสามารถเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านบทความ 10 อันดับ นักแซ็กโซโฟน ระดับโลกที่มีชื่อเสียงจนต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์
เครดิต www.freepik.com